Saturday, May 30, 2009

เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ที่นิวซีแลนด์





เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ที่นิวซีแลนด์


คุณจะได้ลิ้มลองอาหาร ไวน์ชั้นเยี่ยม ศิลปวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของนิวซีแลนด์อีกครั้ง ตลอดเทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทั่วทุกภูมิภาค ของนิวซีแลนด์จะมีชีวิตชีวายิ่งขึ้นตลอดเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนนี้

เทศกาลฤดูใบไม้ผลิจะเริ่มขึ้นด้วยงาน Kaikoura Seafest ซึ่งปีนี้อย่าลืมหาตั๋วเข้างาน กันแต่เนิ่นๆ เนื่องจากบัตรปีที่แล้วถูกจำหน่ายหมดไปอย่างรวดเร็ว เมืองไคคูร่าซึ่ง ตั้ง อยู่ทางตอนเหนือของเมืองไคร้ส์ทเชิร์ชนั้น มีชื่อเสียงด้านอาหารทะเลและคำว่าไคคูร่า ในภาษาเมารีแปลว่า “กินกุ้งล็อบสเตอร์” และเทศกาลที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ จะนำเสนอทั้งอาหารทะเลและไวน์เลิศรส ที่จะทำให้นักชิมอย่างคุณได้มีความสุขไปกับอาหาร เพื่อนพ้องและช่วงเวลาที่คุณจะประทับใจไปอีกนาน


ประชากรในเขต Martinborough ทางตอนใต้ของเกาะเหนือจะเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เพราะนักดื่มและนักชิมจากทั่วโลกจะมุ่งหน้าสู่เมือง Wairarapa เพื่อร่วมฉลองการเปิดตัวไวน์ของฤดูกาลใหม่ในงาน Toast Martinborough ซึ่งเทศกาลนี้จะมีทั้งอาหารรสเลิศ ที่สั่งตรงมาจากภัตตาคารชั้นนำแห่งเมืองไวราราปา และเวลลิงตันพร้อมกับการแสดงสดที่น่าตื่นตาตื่นใจ

ศิลปวัฒนธรรมของนิวซีแลนด์ จะได้รับการกล่าวขวัญถึงอีกครั้งบนเวทีเทศกาลศิลปะ

โอทาโก้ ( Otago Festival of the Arts ) ในเดือนตุลาคมหรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเทศกาลแห่งเมืองดะนีดิน ( Dunedin Festival) ซึ่งรวม เอาการแสดงดนตรี ละคร เต้นรำ และโอเปร่าจากนักแสดงทั้งพื้นเมืองและนานาชาติมาไว้ด้วยกัน และที่พลาดไม่ได้คืองานแสดงศิลปะแห่งเมืองเนลสัน ( Nelson Art Festival ) ที่จะรวบรวมเอานักประติมากรมาร่วมแสดงผลงานแบบไม่จำกัดวัสดุที่ใช้ และร่วมแสดงวิธีการทำงานของพวกเขา



และคงไม่มีฤดูไหนเหมาะที่จะชื่นชมสวนและดอกไม้ของนิวซีแลนด์ มากไปกว่าฤดูใบไม้ผลิเป็นแน่ ทั่วประเทศจึงร่วมกันจัดเทศกาลสวนและพืชพรรณต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานจัดสวนไม้ดอกและพันธุ์พืช Ellerslie Flower Show ซึ่งเป็นงานใหญ่ประจำปีที่เมืองอ็อคแลนด์

เทศกาลดอกโรโดเดนดรอนและสวนแห่งเมืองทารานากิ ( Taranaki Rhododendron and Garden Festival ) เทศกาลสวนพฤษชาติที่เมืองมาร์ลเบอโร ( Hunters Garden Marlborough ) และเทศกาล ฺ Bayleys Garden and Artfest ซึ่งจะมีทั้งบรรดาสวนสาธารณะ และสวนส่วนตัวมาร่วมแสดงให้ทุกท่านได้ชื่นชม



เที่ยวไปบนเส้นทางสายไวน์

การท่องเที่ยวบนเส้นทางสายไวน์เริ่มต้นที่ภูมิภาค Hawke’s Bay แหล่งกำเนิดของ Mission Estate ไร่ไวน์เก่าแก่ที่สุดในนิวซีแลนด์สร้างโดยมิชชั่นนารีชาวฝรั่งเศสในราวปี 1851 เฉพาะในเขตนี้มีไร่ไวน์มากกว่า 30 แห่งที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชิมไวน์

ซึ่งนอกจากการชิมไวน์แล้ว ไร่ไวน์อย่าง Creggy Range ยังมีบริการอาหารอร่อยทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ เช่นเดียวกับ Sileni Estates ที่มีร้านอาหารชั้นดีให้เลือกถึง 2 แห่งพร้อมร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์และโรงเรียนสอนทำอาหาร

จาก Hawke’s Bay ขับรถเรื่อยๆ ลงใต้ไปตามเส้นทางผ่านสวนผลไม้ เมืองเล็กๆ น่ารักและฟาร์มสเตย์ นิวซีแลนด์ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงก็จะถึงหมู่บ้านไวน์ Martinborough แหล่งรวมไวน์แบบบูติกที่มีทั้งไวน์ รสชาติดีและสภาพแวดล้อมสวยงามกว่า 26 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นไร่ไวน์ Ata Rangi หรือ Palliser Estate ที่อยู่ใกล้จนเดินถึงกันได้ จะเป็นการดีหากนักท่องเที่ยวได้มีโอกาสแวะ Martinborough Wine Centre ศูนย์ให้ความรู้ด้านไวน์ระดับภูมิภาคแห่งแรกของนิวซีแลนด์ ก่อนชมภายในตัวเมืองเพื่อการเที่ยวชมไร่ไวน์ท้องถิ่นที่สมบูรณ์แบบที่สุด

ห่างจาก Martinborough เพียง 75 นาทีโดยการขับรถก็จะเข้าสู่ Wellington เมืองหลวงของประเทศนิวซีแลนด์ ที่ต้อนรับผู้มาเยือนด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวาของศิลปะ วัฒนธรรม อาหารและร้านกาแฟเก๋ๆ ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมอาคารรัฐสภาฟรี หรือหากต้องการสัมผัสกับเรื่องราวความเป็นมาของชาวนิวซีแลนด์ รวมทั้งทำความรู้จักกับสภาพภูมิประเทศในแง่มุมต่างๆ ก็ไม่ควรพลาดเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ Te Papa

จากเมือง Wellington นั่งเรือเฟอรี่เพียง 3 ชั่วโมงข้ามช่องแคบคุก ไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่สุดของปรากฏการณ์ความงามแห่งธรรมชาติ ที่ Marlborough Sounds สู่เมือง Picton ทางตอนเหนือของเกาะใต้ ด้วยทัศนียภาพที่น่าตื่นตาตลอดการเดินทาง ลัดเลาะไปตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค นี่คือจุดเริ่มต้นของความประทับใจที่ยากจะลืมของการเดินทางครั้งนี้ จากนั้นใช้เวลาขับรถอีก 30 นาที ถึงเมือง Blenheim เมืองที่ตั้งอยู่ใจกลางของภูมิภาค Martinborough ที่ได้ชื่อว่าเป็นภูมิภาคแห่งไวน์อย่างแท้จริงอีกแห่ง ด้วยชื่อเสียงอันโด่งดังของ Sauvignon Blanc และไร่ไวน์ที่มีมากกว่า 40 แห่งภายในรัศมี 15 กิโลเมตรจากตัวเมือง Blenheim ซึ่งรวมไร่ไวน์ Cloudy Bay Winery อันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้อีกด้วย

แม้ว่าการท่องเที่ยวบนเส้นทางนี้จะเน้นไปที่ไวน์และอาหาร แต่บนเส้นทางนี้ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย ที่ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Art Deco และอาณาจักรของนกแกนเน็ต บนยอดเขา Cape Kidnappers ที่ Hawke’ s Bay หรืออาณาจักรแมวน้ำที่ Palliser Bay รวมถึงชายฝั่งมหาสมุทรที่โค้งเว้างดงามของ Marlborough Sounds



ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเข้าชมที่ www.newzealand.com

No comments:

Post a Comment